Friday, December 28, 2007

Mono No Aware



mono no aware (โมโนโนะ อาวาเระ) แปลตรงตัวว่า ความเศร้าสร้อยของสรรพสิ่ง
ได้คำนี้มาจากหนังสือของอ.เป็ด
แต่จริงๆ ไม่เกี่ยวกับที่กำลังจะเขียนถึงเลย แค่รู้สึกว่า บทความเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้ ช่างเศร้าสร้อยและเถียงไม่ได้ เพราะมันคือความจริง

กำลังพูดถึงบทความจาก คอลัมน์ การ์ตูนที่รัก ของนพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
ในมติชน สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 1428 หน้าปก ทำไมต้อง สมัคร สุนทรเวช
บทความนี้เขียนถึงการ์ตูนเรื่อง Rainbow 7 นช. แดน 2 ห้อง 6 ของเนชั่น
การ์คูนที่พูดถึงเหตุการณ์ในญี่ปุ่น ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
เนื้อหาเป็นยังไง ต้องลองไปหาอ่านเอาเอง ที่อยากะูดถึงคือ ข้อเขียนของนพ.ประเสริฐมากกว่า

อะไรที่เกิดขึ้นในสถานพินิจเยาวชน ก็คือ อะไรที่เกิดขึ้นกับโรงงาน โรงเรียน และโรงพยาบาลเช่นกัน
เพราะพิ้นที่ทั้งสี่แห่งใช้โครงสร้างการจัดการแบบเดียวกัน

สถานพินิจเยาวชนโชนันเป็นสถานที่ปิดล้อม
โรงงาน โรงเรียน และโรงพยาบาลใช้การปิดล้อมเป็นการขีดวงอำนาจเหมือนสถานพินิจเยาวชน
โรงงานและโรงเรียนเข้าได้ออกไม่ได้ จนกว่าจะถึงเวลาออก
โรงพยาบาลเข้าได้ อาจจะออกไม่ได้ตามแต่ผู้มีอำนาจ คือ นายแพทย์จะเป็นผู้ตัดสินใจในนามแห่งสุขภาพ
ความต่างกันของสถานที่ทั้งสี่แห่งจึงเป็นเรื่องของเวลา

โครงสร้างอำนาจลักษณะหนึ่งคือ การจัดซอยเวลาเป็นส่วนๆ แล้วบังคับให้มนุษย์ปฎิบัติภารกิจตามเวลานั้น

ที่ผมถูกใจก็คือส่วนที่เขียนถึงโรงเรียนและโรงพยาบาล... อาจเป็นเพราะว่า
ผมไม่เคยทำงานโรงงานและไม่เคยเข้าสถานพินิจ

โรงเรียนควบคุมนักเรียนด้วยสิ่งที่เรียกว่า ตารางสอน
โรงพยาบาลใช้ตารางเวลาควบตุมทังผู้ป่วย ญาติและหมอ
โรงพยาบาลถนัดนักในการตัดซอยพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยตามขั้นตอนและอวัยวะ
ขั้นตอนยิ่งมาก หรือมีหลายอวัยวะที่ต้องตรวจ อำนาจของผู้ป่วยจะถูกตัดทอนลงทุกขณะ
จนกระทั่งไม่มีสิทธิ์

โรงเรียนเป็นที่ที่เชี่ยวชาญเรื่องการแบ่งพื้นที่เพื่อควบคุมสติปัญญาของเด็กในนามระเบียบวินัย
ทำไมไม่มีใครสงสัยว่านักเรียนของประเทศที่เขาไม่ต้องเคารพธงชาตืตอนเช้า
หรือถูกสั่งให้ตัดผมสั้นเหมือนอาชญากรจึงพัฒนากว่าบ้านของเรา

การตัดผมสั้นเป็นอีกหนึ่งโครงสร้างของอำนาจ
นักเรียนบ้านเราตัดผมสั้นเหมือนเยาวชนในสถานพินิจเยาวชนโชนัน

อันนี้ไม่รู้มีใครคิดตามบทความนี้ทันหรือเปล่าว่าจริงๆแล้ว หมอประเสริฐอยากพูดเรื่องนี้กับใคร

ต้องถาม กระทรวงศึกษา กระทรวงวัฒนธรรม
และกระทรวงอะไรนะ
พัฒนาทรัพยากรมนุษย์น่ะ

จะตอบว่าอะไรบ้าง
น่าสนใจ

Friday, December 21, 2007

i-D The Declaration Issue (Vol. II/V June 2005)

พึ่งจะเจอ i-D เล่มนี้ เล่ม Declaration Issue
ส่วนครึ่งหลังของเล่มเป็น project ที่ทำขึ้นพิเศษ
ชื่อ i-D UNCONDITIONALLY SUPPORTS MAKE POVERTY HISTORY
ด้วยการเชื้อเชิญบุคคลสำคัญของวงการหลายๆวงการ (ส่วนมากก็เซเลบ)
มาร่วมแสดงความเห็นกับแคมเปญ Make Poverty History ด้วยภาพถ่าย ข้อเขียน งานอาร์ท หรือ คำคม
ที่ชอบที่สุดก็ ข้อเขียนของ Koto Bolofo...

no politricks

one meal bare foot eight million people die each year because they are too poor to survive.
Politricks. Silenced foetus Aids dead.
Politician pickpocket the poor with politricks.
Orphaned children no home human scavengers in jakata comb through mountain garbage dumps politricks.

Please Sir can i have some more?
begging has become a profession.
the world piggy bank reckons 1.1 billion people live in extreme poverty
no job has become a job politricks.
a double supersized Macdemocratic today seems to be problematic in the so called fourth world.

dried breats withering crops governments corrupt and lazy the source of poverty.
freedom is a human necessity
Mr. and Mrs. Politician.
Pickpocket your own pocket and make hospitals, roads, electricity, clean water
basic needs for life
and no more global politricks.

Thursday, December 6, 2007

They were all yellow




วันที่ 5 ธันวาคม 2550 ผมเมาเสื้อเหลือง ทุกที ทุกที่จริงๆ
จริงๆแล้ว... เรากำลังสร้างกลุ่มขึ้นมาอย่างรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว
หลายคนใช้ประโยชน์จากการจับคนหมู่มากให้ใส่เสื้อเหลือง

ที่ทุเรศคือ
แก็งมอเตอร์ไซค์ที่มาแข่งกันเต็มพระราม 4 ทั้งชาย-หญิง
ใส่เสื้อเหลืองกันทั้งนั้น แต่ไม่สวมหมวกกันน็อค
และกวนเมืองเละ

เพื่ออะไร