Monday, August 25, 2008

Wise Men Say Only Fools Rush In..








มีโอกาสได้ไป Indonesia เป็นครั้งแรก ตามที่ บริติช เคานซิล อินโดนีเซีย เชืญบริติช เคานซิล ประเทศไทยเนื่องมาจากโปรเจ็คต์ต่อเนื่องที่ชื่อ creative city ที่ต่อยอดมาจากที่ UK เมื่อต้นปี ผมไปในคราบของมีเดีย ตัวแทนจากไทย

น่าแปลกก็ตรงที่ อินโด กลับไม่เลือก jakarta เป็นสถานที่จัด creative city พวกเขาเลือก Bandung เมืองเล็กๆที่มีประชากรประมาณ 2 - 3 ล้านคน เมืองนี้อยู่บนเกาะชวา เกาะเดียวกับเมืองหลวง jakarta เดินทางจาก jakarta ประมาณ 300 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชม
ที่นี่ รถติดมาก ไม่ต่างจาก กรุงเทพฯ สมัยผมเรียนอยู่มัธยมปลาย กรุงเทพฯสมัยที่ยังไม่มี BTS และการเดินจากวัดแขกไปสยามเร็วกว่านั่งรถเมล์เป็นไหนๆ

Bandung เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่ภายในหุบเขา ที่ว่ากันว่าเป็นภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิทดี (ตามที่เขาเล่ามา) นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ เมืองนี้อากาศดีมาก โดยเฉพาะถ้าขึ้นไปหาอะไรกินยอดเขา อากาศดีถึงขนาดที่ตามประวัติศาสตร์ไทยแล้ว King Chulalongkorn ใช้เป็นสถานที่ตากอากาศเพื่อพักฟื้นให้กับโอรสที่ป่วยหนัก และน่าประหลาดที่ โอรสพระองค์นั้นหายดีและสามารถเสด็จนิวัตรพระนครได้

ที่เมืองนี้ผมมีโอกาสได้เจอ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เป็นคนไทยที่มาใช้ชีวิตที่เมืองนี้กว่า 20 ปีแล้ว ท่านแต่งงานกับชายชาวอินโด แน่นอนว่าบทสนทนากับคนไทยด้วยกันคงทำให้บทสนทนาครั้งนี้ออกรสชาติ และบ่อยครั้งที่ เรื่องที่ท่านมักกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง จะเป็นเรื่องความเห็นต่างกันของ 2 ชนชาติ โดยเฉพาะเรื่อง พิธีกรรม ความเชื่อตามศาสนา
หลายครั้งที่ผมได้ยินท่านกล่าวถึง คนชวาพื้นเมือง ประมาณว่า พวกอาณานิคม โดยเฉพาะชาวดัทช์ พยายามสอนให้ชาวพื้นเมือง ขี้เกียจและห้ามใฝ่รู้ แปลว่า ให้ทำตามที่สั่งอย่างเดียว อย่าเสือกทำเป็นรู้มาก แปลว่า ปลูกฝังเพื่อการเป็นทาสนั่นแหละ และมันคงฝังลึกลงไปใน DNA จากบรรพบุรุษ ทำให้พวกเขาทุกวันนี้ ก็ยังคงความขี้เกียจและโง่ดักดาน ถึงขนาดที่ท่านว่า ต่อให้มีคนมายกโรงงานที่มีคนงานเป็นชาวพื้นเมือง ท่านก็จะไม่เอาเด็ดขาด อันนี้ ไม่ใช่คำพูดของผม แต่เป็นของผู้ใหญ่ท่านนั้น

สิ่งที่ผมได้ยินการเปรียบเทียบจากผู้ใหญ่ท่านนั้น บ่อยครั้งก็คือ การเปรียบว่า พวกเขา (ชาวอินโด-ชวา) ขี้เกียจและโง่กว่าคนไทย ท่านบอกซำ้หลายรอบทีเดียว ที่เป็นโชคดีของคนไทยเรา ที่ไม่โง่และขี้เกียจเหมือนคนที่นี่

ความรู้สึกผมกลับเห็นแย้งตรงกันข้าม ผมรู้สึกว่า ขี้เกียจและโง่ ยังดีกว่า โง่แล้วเสือกขยัน เพราะอย่างน้อยที่สุด ถ้าโง่และขี้เกียจแล้ว ก็ดีนะถ้าจะขี้เกียจ ที่จะไปตัดหรือทำลายต้นไม้ ผลาญพื้นที่สีเขียวของเมือง มันน่าจะดีกว่า พวกโง่แล้วเสือกขยันในประเทศนี้ ที่โง่อย่างเดียวไม่พอยังเสือกขยันทำโง่ๆด้วย ผลสุดท้าย ก็คือสภาพบ้านเมืองที่เราเห็นคาตาทุกวันนี้

ลองเทียบ Bandung กับเชียงใหม่วันนี้แล้ว เห็นด้วยกับที่ผมว่าหรือยัง ?

Monday, August 18, 2008

Another One Bites The Dust







แคมเปญ outdoor บริเวณแยกคลองเตย (เลยตลาดปีนังตัดกับพระราม 4 ทางมุ่งไปแยกอโ๋ศก)
ชุดนี้น่าจะพิมพ์ลงบนผ้าพลาสติก
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพิมพ์ระบบ ink-jet หรือว่าพิมพ์แบบซิลค์สกรีน
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

ข้อความที่ผ่านการสร้างสรรค์จากก๊อปปี้ไรท์เตอร์ ชาวชุุมชนคลองเตย
บวกกับการจัดวางที่แสดงให้เห็นทักษะของอาร์ตไดเร็คเตอร์ ที่ใช้แค่งานไทโปล้วนๆ
ก็ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

ที่สำคัญที่สุดคือ การประกาศต่อธารกำนัลเป็นวัฒนธรรม
และเป็นวัฒนธรรมกระแสหลักที่ทุกชนชั้นล้วนแสวงหาพื้นที่ที่ตัวเองสามารถจับจองได้
ไม่ว่าคุณจะเป็นใครสังกัดชนชั้นและชุมชนไหนๆ
.. ชาวบ้าน ชาวนา ชุมชนรากหญ้า ไซด์ไลน์ นักศึกษา ม็อบ นายกรัฐมนตรี เจ้านายหรือไพร่
ประเด็นที่น่าสนใจอีกนิด คือ ข้อความตามประกาศแต่ละชิ้น... มักมีคนพูดความจริงไม่หมดอยู่เสมอต้นเสมอปลาย
ไม่เชื่อ..
ลองอ่านข้อความในภาพอีกที..