Monday, May 26, 2008

Either live for something, die for nothing - it’s your choice.







เคยอ่านเจอว่า หนัง hollywood ที่มีฉากรุนแรงมากที่สุดตั้งแต่มีการทำหนัง
บันทึกไว้เป็นสถิติคือ Rambo 3 เฉลี่ยแล้วมีฉากรุนแรงทุกๆ 2 นาที
เคยดู Rambo 3 แต่ลืมไปหมดแล้ว
และแทบไม่มีผลต่อการดูภาคต่อ ที่คิดว่า คนสร้างไม่น่าจะทำต่อแล้ว แต่ก็ยังทำ
และทำได้ดีเสียด้วย!

Rambo 4 เปิดเรื่องมาด้วย footage ที่เก็บมาจากเหตุการณ์ในพม่า
เปิดด้วยสภาพที่เน่าสุดๆ ของศพที่กองเกลื่อนหมู่บ้าน
และปิดท้าย ว่า เหตุการณ์ที่ทหารพม่า ทำกับชนกลุ่มน้อย
คือ การทำลายล้างเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ ยาวนานที่สุดในโลก

John Rambo ปลดประจำการจากสงครามเวียดนามและใช้ชีวิตที่เหลือ
แถบชายแดนไทย-พม่า Rambo ยึดอาชีพจับงูขายให้หมู่บ้านงูเห่า แม่สา อยู่ทางตอนเหนือของไทย
แล้วมาวันหนึ่ง.. มีคณะมิชชันนารี จากอเมริกามาว่าจ้างให้ Rambo เป็นคนนำทาง
ไปพม่า...
มิชชันนารีพวกนี้ต้องการลอบเข้าพม่าเพื่อ นำยารักษาโรคและอาหารไปให้พวกกะเหรี่ยง
แน่นอนว่าเป็นพวกกะเหรี่ยงปฎิวัคิ (มี ต๊อก ศุภกรณ์ เล่นด้วย และเล่นได้ดีด้วย)
เหคุการณ์ก็ดำเนินไปตามสูคร
มิชชันนารี โดนทหารพม่าจับไปและ Rambo ต้องเป็นคนช่วยออกมา

ความยาว 93 นาที และคิด rate R ถือว่า สมควรแล้ว
Rambo 4 เต็มไปด้วยฉาก violence ทั้งภาพทหารพม่าจัดการกับพวกกะเหรี่ยง
เกิดมา ผมเพิ่งเคยเห็นการยิงเด็กโดยเอาปลายปืนกดที่หัวใจแล้วยิง
หรือ ภาพ Rambo ใช้มือล๊อคคอทหารพม่าและ กระชากออก
ภาพ ห่ากระสุนที่เจาะทะลุเหยื่อ แบบที่ไม่เคยเห็นในหนังสงครามเรื่องไหน

นักวิจารณ์หลายคนงงกันทั้งนั้น
ว่าตกลงแล้ว นี่มัน fiction หรือ non-fiction
ถ้าใส่ tag line ว่า based on true story ก็เชื่อตามอยู่แล้ว

Rambo 4 ไม่มีทางได้ฉายอย่างถูกต้องตามกฎหมายในพม่าอยู่แล้ว
ที่โหดร้ายกว่า คือ ภาพในหนังว่า violence สุดๆแล้ว
แต่ความจริงก็คือ... ของจริงโหดร้ายกว่า ...

นี่เป็นหนังดูสนุกอีกเรื่อง
ที่จับประเด็นพม่า เอามาตีแสกผู้นำทหารได้อย่างตรงประเด็น ไร้การประนีประนอม

นึกถึงคำพูดของ Rambo ในหนัง...
"You can't change anything.."
เหมือนจะพูดกับประชาคมโลกและชาวพม่า
พลเรือนพม่า คงได้แค่เฝ้ารอสถานการณ์และวีรบุรุษอย่าง John Rambo ไปตลอดกาล

No comments: