Tuesday, February 10, 2009

Miracle Drug?







Thailand Business Week ฉบับล่าสุด (กุมภาพันธ์ 2552) มีบทความที่ทำผมต้องสะดุดอย่างแรงเรื่อง "ยาเสริมสร้างความฉลาดกำลังจะบูม" บทความของ Ellen Gibson ผมไม่แน่ใจว่าบทความต้นฉบับภาษาอังกฤษจะใช้คำว่าอะไร แต่ที่แปลมาเลือกใช้คำว่า "ยาเสริมสร้างความฉลาด" และ subhead ก็ต่อด้วยคำว่า "ยาเสริมการรับรู้" ผู้เขียนเกริ่นนำด้วย เรื่องของบัณฑิตจบใหม่ที่มีนัดสัมภาษณ์งานครั้งสำคัญ นอกจากการเลือกชุดที่เหมาะที่สุดแล้ว ยาเสริมความจำและการทำงานของสมองที่เข้ากับสถานการณ์ถือเป็นสิ่งจำเป็๋นอีกอย่าง Adderall ช่วยให้สมาธิดีขึ้น หรือ Provigil เพื่อกระตุ้นความตื่นตัว หรือ ยาต้านเบต้า เพื่อช่วยลดความตื่นเต้น

ในอเมริกา นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ใช้ยาที่ต้องมีใบสั่งแพทย์เป็นตัวช่วยระหว่างเรียนและพอเข้าสู้ตลาดแรงงาน มืออาชีพที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากแอบใช้ยาพวกนี้ ส่วนกลุ่ม baby boomer เห็นว่าการใช้ยา "บำรุงสมอง" เพื่อยับยั้งโรคความจำเสื่อมชั่วคราว ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ผู้เขียนยกงานเขียนของ Henry T. Greely ศาสตราจารย์จาก Stanford Law School ที่เขียนเอาไว้ว่า ถึงเวลาแล้วที่คนเราจะสามารถเอาชนะความตื่นกลัว "ผู้ใหญ่ที่มีความพร้อมด้านจิตใจน่าจะสามารถพัฒนาการรับรู้ด้วยการใช้ยา"

ว่ากันว่า ยาเสริมการรับรู้ที่ชื่อ Adderall XR เป็นยาที่พัฒนามาจากยารักษาโรคสมาธิสั้น ช่วงท้ายบทความชิ้นนี้ยังเขียนเอาไว้อีกว่า ในบางสถานการณ์ มันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้อย่างเต็มที่สำหรับผู้บริหารที่จะสนับสนุนพนักงานในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยการใช้ยา ... ผมอ่านบทความนี้ด้วยความสนใจใคร่รู้ถึงยาวิเศษตัวนี้ -ยาเสริมการรับรู้ - ยาลดความตื่นเต้น - ยาเสริมสร้างความฉลาด - ยาเสริมความจำ มันคืออะไรกันแน่ .. แล้วก็ได้รับคำตอบจาก Wiki

Adderall is a brand-name pharmaceutical psychostimulant composed of mixed amphetamine salts, which is thought to work by increasing the amount of norepinephrine and dopamine in the brain.[1] It is available in two formulations: immediate release and extended release (XR). The immediate release formulation is indicated for use in Attention Deficit Hyperactivity Disorder (ADHD) and narcolepsy,[2] while the XR formulation is only approved for use in ADHD.[1]

Shire Pharmaceuticals introduced the Adderall brand in 1996 in the form of a multi-dose, instant-release tablet derived from an original formula of the weight management drug Obetrol. In 2006, Shire agreed to sell rights to the Adderall name for this instant-release medication to Duramed Pharmaceuticals[3] and this instant-release medication has since become available in a generic formulation of "mixed amphetamine salts"[4]. The active ingredients of Adderall XR include a combination of dextroamphetamine and racemic DL-amphetamine salts.[4] In 2001, Shire Pharmaceuticals introduced an extended-release preparation of these ingredients in a variety of dosages under the brand name "Adderall XR", on which Shire retains exclusive patent rights until the patent expires, expected in 2018.[5]

นี่แค่ตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ ของยาที่ว่า แค่ Adderall ตัวเดียวเท่านั้น ถ้าอยากรู้มากกว่านี้ลอง search จาก google กันเอาเอง แล้วจะให้ยอมรับสิ่งที่บทความนี้เขียนถึงได้อย่างไร - เปล่า - ผมไม่ได้ไม่ยอมรับ ข้อเท็จจริงที่นำเสนอใน business week แม้แต่น้อย แต่ข้อเขียนนี้ละเลยสิ่งที่ควรรับผิดชอบกับสังคมหรือเปล่า ทำไมเนื่้อหาหลายย่อหน้า หรือการยกคำพูดของใครหลายๆคนถึงดูเหมือนว่า นี่คือ การสนับสนุนให้เรา-ท่าน ยอมรับความเป็นจริงที่คนรุ่นใหม่ๆต่างต้องพึ่งพาการใช้ยา -- นี่ไม่ใช่ ยาวิเศษ ไม่เข้าใจว่าผู้เขียนและผู้แปลทำไมถึงจงใจที่จะสร้างสรรค์คำเรียกให้ดูสวยหรู -ยาเสริมการรับรู้ - ยาลดความตื่นเต้น - ยาเสริมสร้างความฉลาด - ยาเสริมความจำ นี่คือ ยาบ้า ยาไอซ์ และสารกระตุ้นดีๆนี่เอง เพียงแต่ว่ามันมีแบรนด์และซื้อหากันได้ตามใบสั้งแพทย์และทางอินเตอร์เน็ต ขอแสดงความยินดีที่ต่อไปเราจะมีตัวช่วยทุกๆอย่างๆแม้แต่ตัวช่วยสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง - ผมไม่เห็นว่ามันจะต่างจากการดมโค้ก - เคี้ยวใบกระท่อม = เสพยาบ้า ตรงไหน ถ้าอยากเสพยา เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ กรุณาอย่า เอาคำว่า เสริมสร้างความฉลาดและการรับรู้มาอ้างกันเลย

1 comment:

TaTum said...

จะลองไปอ่านใหม่ แต่มันไม่น่าจะเข้าขั้น ยาบ้า หรือ ไอซ์ นะ.

แน่นอนมีสารที่เหมือนกันอยู่ แต่ ปริมาณใช้ล่ะ มาก หรือ น้อย ต่างกันขนาดไหน?

ใจเย็นๆ อย่า judge ก่อน เพราะ judge แล้วก็เท่ากับปิดประเด็นไป

...........

ไปอ่านมาแล้วส่วนัวคิดว่า content ก็ balance ได้ดี และยังชี้ให้สังคมตระหนักถึงภัย ทั้ง direct ังที่ระบุไว้ข้างขวด + indirect ที่ให้สังคมที่ไม่ค่อยกังวลในเรื่องนี้หันกลับมา พิเคราะห์ด้วยนะ

ผู้แปลต้องการนำเสนอ fact ให้เราเกิด awareness แต่ก็อย่างว่า เรื่องภาษา ที่แปลเป็นไทย อาจใช้คำที่ positive ไปนะ

ส่วนที่ต้องมีการ support ข้อดีของการใช้ ก็เป็นรูปแบบ การ writing แบบ discuss นะ เลยต้องไม่เขียนด้านเดียว (argument)

อย่างว่า Pharmaceutical industrial ก็อย่างนี้แหละ ลงทุนไปเยอะ ต้องกอบโกยให้มากที่สุดในช่วงที่ สิทธิบัตรยังไม่หมดอายุ

ส่วนตัวจะห่วงก็แค่จะมีการเอามาใช้ในบ้านเรานะซี่! (ไม่อยากคิดเลย ขนาด hi5 ยังเอามาขายตัว, camfrog มาโชว์มือเทพ...ซะงั้น)